วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

10.จงเขียนแกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือสอบของท่าน

73 ความคิดเห็น:

  1. In my point: ปัจจุบัน​ยอมรับครับว่าทุกวินาทีนั้นมีค่าดังนั้นการบริหารเวลาในการอ่านหนังสือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
    ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องเวลา.. เราต้องให้ความสำคัญกับ​กับผู้อ่านหนังสือ.. ถ้าสภาพร่างกายและจิตใจของผู้อ่านพร้อม.. จะทำให้ผู้อ่านได้รับสารจากการอ่านหนังสือ​ได้มีประสิทธิภาพ...
    โดยมีวิธีดังนี้

    1.อ่านหนังสือ​ก่อนเรียน(จะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง.. ช่างมัน.. ขอแค่ตั้งใจ)

    2.ก่อนเข้าเรียนและหลังเรียนควรเตรียมร่างกายให้พร้อม..เช่น..
    การหลับและพักผ่อนที่เพียงพอ
    การทำตามบัญญัติ​โภชนาการ​อาหาร
    การทำตามหลักสุขอนามัย
    3.ในระหว่างการเรียน..ผู้เรียนต้องมีสมาธิจดจ่อกับการเรียน(ปรับทัศนคติ​กับวิชานี้ว่า.. วิชา​นี้โคตรน่าสนใจเลยหว่ะ:), และที่สำคัญ​Don't be shy: อยากถามอะไรก็ถามเล๊ย(ในหัวข้อที่เรียนและอาจารย์​ชอบ)​,
    หรือถ้าไม่กล้าถามก็ถามหลังจากเรียนเสร็จ​:แต่โดยส่วนใหญ่มักจะลืมถาม.. หรือถามไปแล้ว.. แต่ไม่สามารถนำมาปะติดปะต่อกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว.. หรือคนอื่นๆที่รอถามมีจำนวนมาก..รอนานอีกเห้อออออTT

    4. กลับไปทบทวน​ตำราและเขียนสรุปของวันนั้นๆ
    และผู้ศึกษา​

    5. นอกจากนี้ผู้สอนหรือผู้ทีาให้ความรู้แก่ผู้เรียนผู้ศึกษา.. ต้องมีความเข้าใจกับผู้เรียน​เช่น​
    5.1.การปรับวิธีการเรียนให้สนุกตื่นเต้นอย่างเหมาะสมกับเนื้อหา

    5.2.ผู้ให้​ที่ให้ความรู้นั้น.. ต้องศึกษาในหัวข้อเรื่องระยะเวลาที่เหมาะสมในการสอน​เพื่อให้การส่งสารไปยังผู้รับสารเกิดประสิทธิภาพ​และมีประสิทธิผล
    เช่น​ การแบ่งเนื้อหาในการสอนของแต่ละคาบโดยคำนึงถึงผู้เรียน..เพื่อให้ผู้เรียนพร้อมและได้รับเนื้อหาความรู้อย่างสูงสุด

    ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวปรับและเปลี่ยนแปลงได้โดยขึ่นอยู่กับริบทของผู้นั้น


    ดังนั้นแกนต์ชาต์ในการอ่านหนังสือของผมคือ..เวลาและสถานที่​ที่เหมาะสม​ time-flexible
    ดังคำพังเพยที่ว่า..ยิ่งลับมีด.มีดยิ่งคม​ ยิ่งสระผม​ ผมยิ่งยาวแฮร่! :)

    นายสุ​ก​ั​ลย์​ จันทร์​ตรี​ 12590087​

    ตอบลบ
  2. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง
    (นางสาวสิริรัตน์ ศิริพรทุม 12590086)

    ตอบลบ
  3. ในส่วนของตัวผมนั้น คือ
    1.ตั้งใจเรียนในคาบ
    2.ทบทวนหลังจากเรียนเสร็จ และจดสรุป
    3.เตรียมตัวอ่านสอบล่วงหน้า 1 สัปดาห์
    4.ไล่ทบทวนจากวิชาที่เริ่มสอบก่อน ทวนซ้ำๆจนเข้าใจ
    5.ก่อนสอบพักผ่อนให้เพียงพอ จะได้ไม่หักโหมร่างกาย
    กินข้าวเช้า เพื่อให้สมองทำงาน และทำธุระให้เสร็จ จะได้ไม่มีอะไรมารบกวนสมาธิระหว่างสอบ
    (วัชระ จริยสุขสกุล 12590071)

    ตอบลบ
  4. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือสอบของดิฉัน คือ จะอ่านในวิชาที่ตนเองชื่นชอบก่อน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการอ่านวิชาต่อไป หลังจากนั้นจะแบ่งแยกว่าวิชาไหนที่มีเนื้อหามากหรือไม่สามารถทำความเข้าใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็จะนำมาอ่านก่อน ที่สำคัญคือต้องแบ่งเวลาให้พอเหมาะ ไม่อ่านรวดเดียวจบเพราะจะทำให้เนื้อหาที่ได้ในการอ่านครั้งนั้นตกหล่น หากอ่านหนังสือแล้วง่วงก็นอนพัก เพราะยิ่งฝืนอ่านต่อไปก็จะทำให้สมองเรานั้นรับเนื้อหาได้ไม่เต็มที่

    กุลปริยา แย้มเกษร 12590005

    ตอบลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  6. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เลือกเวลาที่น้องต้องการจะอ่าน เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. เลือกวิชาและเนื้อหา เลือกวิชาที่จะอ่าน เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้อ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็วเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนจะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป

    ศิฌาวี เรือนปัญจะ 12590078

    ตอบลบ
  7. แกนต์ชาร์ตการบริหารเวลาเพื่ออ่านหนังสือสอบ เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้า บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน ดิฉันชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืน วนเวลากลางวันก็จะจดสรุปของแต่ละวิชา หลังเลิกเรียนหรือเวลาว่างก็จะทบทวนวิชาที่เรียนมาในวันนั้น
    (ชนกนาฎ สหทรัพย์เจริญ 12590012)

    ตอบลบ
  8. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือสอบของฉัน คือ จะเลือกวิชาที่จะใช้ในการสอบวิชาแรกและวิชาลำดับต่อไปมาสรุปเนื้อหาก่อน จากนั้นก็ใช้เวลาว่างในการทบทวนในสิ่งที่เราสรุป และพอใกล้วันสอบก็เอาที่เราสรุปนั้นมาอ่านเพื่อทบทวนอีกครั้งก่อนเข้าห้องสอบ (ชัชญาณ์ณัฐ ภูวิศภัทรนนท์ 12590110)

    ตอบลบ
  9. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง
    (นางสาวคณภัทร์ ศิริโยธิน 12590108)

    ตอบลบ
  10. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    สุภัทษา สนธิช่วย 12590096

    ตอบลบ
  11. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือสอบ คือ งดเล่นอินเตอร์เน็ตให้น้อยลงกว่าเดิม จดจ่ออยู่กับหนังสือที่อยู่ตรงหน้า มีการวางแผนล่วงหน้าว่าจะอ่านวิชาไหนตัวไหนก่อนเป็นลำดับ นอกจากนี้ยังทำการสรุปเนื้อหาในการสอบแต่ละวิชาเพื่อให้จำง่ายยิ่งขึ้น

    ( ณัฐชัญญา ปรินจิตต์ 12590896 )

    ตอบลบ
  12. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ

    ธีรภัทร์ จำปาเรือง 12590039

    ตอบลบ
  13. แกนต์ชาร์ตการบริหารเวลาเพื่ออ่านหนังสือสอบ เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้า บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน ดิฉันชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืน วนเวลากลางวันก็จะจดสรุปของแต่ละวิชา หลังเลิกเรียนหรือเวลาว่างก็จะทบทวนวิชาที่เรียนมาในวันนั้น

    นายธนสิทธิ์ อาจอ่อนศรี 12590036

    ตอบลบ
  14. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  15. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาอ่านหนังสือสอบของดิฉันคือ อ่านตอนบ่าย ถึงช่วงเย็น แล้วกลับมาอ่านอีกทีตอนช่วงดึก เพราะสำหรับฉันคิดว่าตอนดึกสมองเปิดรับมากกว่า แต่สำหรับคนอื่น อาจจะมีช่วงที่สมองเปิดรัับความจำไม่เหมือนกัน แต่การตั้งใจเรียนในคาบก็ช่วยบริหารเวลาอ่านหนังสือให้น้อยลง เข้าใจได้เร็วมากขึ้น
    (บุญธิดา กะตะศิลา 12590043 )

    ตอบลบ
  16. แกนต์ชาร์ตการบริหารเวลาของผมนั้น จะใช้เวลาก่อนสอบ 1-3 วันก่อนสอบในการอ่านหนังสือ และช่วงเช้าในวัสอบะทำหัวให้โล่งเพื่อจะไม่ลืมในสิ่งที่อ่านมาไม่ว่จะมากหรือน้อย ส่วนเวลาในกรอ่านนั้นจะเป็นช่วงตอกลางคืน อ่านผ่านๆ 1 รอบ แล้วอ่านซ้ำอีก 1 รอบ

    ตอบลบ
  17. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
    ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ
    เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    3. ลงมือทำ
    ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน
    ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ ( น.ส. อังคณา พิทักษ์สุข 12590104)

    ตอบลบ
  18. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง
    (นางสาวณัฐพร ทองปลิว 12590024)

    ตอบลบ
  19. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือสอบของฉันคือ
    เลือกเวลาที่เหมาะสม อ่านตอนไหนสมองปลอดโปร่ง อ่านเเล้วเข้าใจ สำหรับดิฉันจะอ่านตอนกลางคืนก่อนนอนเพราะเป็นช่วงเวลาที่เงียบที่สุดพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดหลับอดนอนอ่านทั้งวันทั้งคืนถึงวันสอบ เพราะจะทำให้สมองเบลอ และง่วงในห้องสอบ ถ้าง่วงไม่ไหวก็จะพักก่อน หรืองีบสักหน่อย จะไม่ฝืนอ่าน ขี้เกียจก็จะยังไม่อ่าน จะฝืนยังไงถ้าไม่ไหวสมองก็ไม่รับอยู่ดี หรืออาจจะหาแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือก่อนให้ตัวเองอารมณ์ดี ผลักดันให้ตัวเองอยากอ่านหนังสือ และดูว่าวิชาไหนจะสอบก่อน แล้วจึงทำสรุปทั้งหมด และจะอ่านวิชาที่สอบก่อนเพื่อให้อ่านได้เยอะเเละเร็ว อ่านด้วยความจริงจัง ตั้งใจ และห้ามขี้เกียจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะถามเพื่อนหรือหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต (ศุภิสรา นรินยา 12590717)

    ตอบลบ
  20. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ

    นาย ดนุสรณ์ เลิศเศรษฐี 12590028

    ตอบลบ

  21. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน
    (นางสาวภิตติมาตุ์ เอื้ออรุณชัย 12590062)

    ตอบลบ
  22. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือ คือการบริหารเวลาในการอ่านหนังสือให้เกิดประสิทธิภาพจากการจัดการเวลาที่เหมาะสมในการอ่าน ลำดับเวลาก่อน-หลังในรายวิชาต่างๆว่าวิชาไหนควรมาก่อน และกำหนดเวลาในการอ่านหนังสือของแต่ละวิชา ลงมือทำกับเป้าหมายที่ตั้งไว้และปรับเปลี่ยนแก้ไขให้เหมาะกับตัวเราเองมากที่สุด
    (ณัฐฌา ปักกัง 12590019)

    ตอบลบ
  23. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือ คือ การเลือกเวลาในการอ่านที่เหมาะสม จะเป็นเวลาว่าง หรือเวลาที่สมองปลอดโปร่ง เพื่ออ่านหนังสือได้อย่างเข้าใจเนื้อหามากที่สุด การเรียงลำดับวิชาที่ต้องสอบ อ่านวิชาที่ชอบก่อน หรืออ่านวิชาที่ต้องการทำความเข้าใจก่อน การจดบันทึกแบบสรุป และมีการนำมาทบทวนซ้ำอีกครั้ง
    (นางสาวกรกนก จันทร์พันธุ์ 12590003)

    ตอบลบ
  24. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน
    (นางสาวพัชรา จูเอี่ยม 12590054)

    ตอบลบ
  25. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง
    (นางสาวสิตานัน หรุ่นทอง 12590082)

    ตอบลบ
  26. แกนท์ชาร์ต(Gantt Chart) ในการอ่านหนังสื่อของฉัน
    1. ช่วงเวลาในการทำ กลับมาสรุปเนื้อหาทุก ช่วงเย็นจาเรียนรเสร็จ
    2. ไฮไลเนื้อหาที่สำคัญ ตามที่อาจารย์บอก หรือหัวข้อที่น่าสนใจ และต่อยดได้
    3. หลังจากสอบเราทำได้ดีหรือไม่จากการที่เรา ทำทั้งสองขั้นตอน ถ้าดีแล้วทำต่อไป ถ้าไม่ดีก็ดูข้อบกพร้องแล้วปรับเปลี่ยน
    แค่นี้ก็เป็นการแกนท์ชาร์ตอ่านหนังสื่อที่เรานำความรู้ที่เรียนหรือขากการอ่านไปใช้ในการสอบ และพัฒนาตนเองได้

    รัญชริดา มะนุ่น 12590067

    ตอบลบ
  27. ส่วนตัวคิดว่าแกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลา การใช้เวลาให้เหมาะสมเพื่อการอ่านหนังสือสอบ คือ งดเล่นอินเตอร์เน็ตให้น้อยลงกว่าเดิม จดจ่ออยู่กับหนังสือที่อยู่ตรงหน้า มีการวางแผนล่วงหน้าว่าจะอ่านวิชาไหนตัวไหนก่อนเป็นลำดับ นอกจากนี้ยังทำการสรุปเนื้อหาในการสอบแต่ละวิชาเพื่อให้จำง่ายยิ่งขึ้น ทำให้ตั้งใจเรียนในเวลาเรียน รู้จักจดบันทึกความรู้
    นางสาววชิราพร คำกอง 12590068

    ตอบลบ
  28. แกนต์ชาร์ตการบริหารเวลาเพื่ออ่านหนังสือสอบ การเลือกเวลาในการอ่านที่เหมาะสมมักจะเลือกอ่านเวลากลางคืน มีวิธีการอ่านเป็นของตัวเอง โดยการอ่านรอบแรกแบบเร็วๆ อ่านรอบที่รอบสองทำความเข้าใจ และนำมาสรุป เลือกวิชาที่ตัวเองเข้าใจง่ายสุดหรือเนื้อเรื่องที่ตัวเองสนใจก่อน
    (ภัทรานิษฐ์ กุญแจทอง 12590059)

    ตอบลบ
  29. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ

    (นางสาว สรัสนันท์ บุญมี 12590080)

    ตอบลบ
  30. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง
    (เบญญาภา กรีรถ 12590044)

    ตอบลบ

  31. 1 ตั้งใจเรียน
    2 กลับมาทบทวนตัวเองที่เรียนไป
    3 อ่านหนังสือรอบที่ 1
    4 อ่านหนังสือรอบที่ 2
    5 เขียนสรุป
    6 วันรุ่งขึ้นเขียนสรุปอีกรอบ
    พัชมน มนต์วิมลพร 12590053

    ตอบลบ
  32. แกนต์ชาร์ตของฉ้น คือ เวลาอ่านหนังสือไปสอบ
    1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
    เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ เราเข้าใจอยู่แล้วมาอ่านก่อน
    3.ลงมือทำ ลงมืออ่านอย่างจริงจัง
    4.ตรวจดูผลของเรา ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง

    (นางสาวชนาวาส บัววงค์ ) 12590013

    ตอบลบ
  33. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
    เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ
    เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    3. ลงมือทำ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
    4. ทบทวนบทเรียนอีกรอบ
    ทบทวนก่อนสอบอีกครั้งเพื่อการจดจำที่ดีขึ้น ดูว่ามีเนื้อหาตรงไหนตกหล่นรึป่าว
    (นางสาวปรมาพร สิงขรรัตน์ 12590046)

    ตอบลบ
  34. เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า
    การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    (มณฑล น้ำแก้ว 12590065)

    ตอบลบ
  35. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสมเวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือเอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า
    การอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงานผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ


    นางสาวณัฐนรี สีทองสุก 12590022

    ตอบลบ
  36. แกนต์ชาร์ต
    1. การเตรียมตัวก่อนอ่านหนังสื่อ
    เช่น การหาเป้าหมาย หรือจุดที่เราสนใจ หรือกำลังใจในการอ่าน
    2. รวบรวมสิ่งที่ช่วยบำรุงสมอง เช่น ช็อคโกแลตที่มีน้ำตาลสูง หรือ ลูกอมที่มีความเปรี้ยว
    3. การอ่านจะเป้นการอ่านแบบ ต่อเนื่องยาว 30-60นาที และพักทานของว่างเมื่อรู้สึกว่าสมองเริ่มล้า 10-30นาที วนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะสำเร็จ หรือบีีลุเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้วในข้อ 1.
    (ณัฐนพิน ชินวัฒนา 12590021)

    ตอบลบ
  37. ไม่ระบุชื่อ26 สิงหาคม 2562 เวลา 22:56

    แกนต์ชาร์ตในการอ่านหนังสือสอบ
    -มีความตั้งใจเรียนทุกครั้ง
    -หาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องที่ไม่เข้าใจ
    -มีการเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบล่วงหน้าทุกวิชาโดยไม่ใช่การอ่านก่อนสอบเพียงวันเดียว และจดสรุปเนื้อหาทั้งหมด
    -ก่อนวันสอบวิชาไหน ก็มีการอ่านสรุป ทบทวนวิชานั้นอีกครั้งเพื่อเป็นการทบทวนความจำ
    (อภิษฐา เนียมศิริ 12590101)

    ตอบลบ
  38. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนการอ่านหนังสือที่เหมาะสม สามารถทำให้สอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการจัดสรรเวลาว่าควรจะเริ่มอ่านตั้งแต่เวลาไหน ต้องอ่านตรงไหนบ้าง และหาข้อมูลที่ในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจหรือข้อมูลน้อยเกินไป มีการอ่านสรุปและทบทวนซ้ำๆ เพื่อเป็นการเพิ่มความจำไปในตัว และทำให้จำได้ง่ายขึ้น
    (เอเซีย พิทยาพละ 12590112)

    ตอบลบ
  39. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (สิทธิชัย พ่อค้าเรือ 12590083)

    ตอบลบ
  40. 1. สร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือ
    แรงจูงใจจะเป็นตัวผลักดัน และกระตุ้นให้เรา มีความอยากในการอ่านหนังสือ วิธีการสร้างแรงจูงใจก็คือพยายามคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นในทางที่ดี ถ้าเราอ่านหนังสือสำเร็จ เช่น ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือและเตรียมความฟิตให้ตัวเองจนพร้อมแล้ว เราก็สามารถทำข้อสอบได้แน่นอน
    2. สรุปเรื่องที่เรา โดนยการเขียน
    สรุปเรื่องที่เราอ่านแล้ว อาจจะนำมาทำเป็น My map หรือตาราง เพื่อเชื่อมโยงในส่วนที่สัมพันธ์กัน และเขียนให้เป็นความเข้าใจของตัวเอง จะทำให้จำได้แม่นขึ้น
    3. หาเวลาชวนเพื่อนๆติว
    หากเราเป็นคนติวให้เพื่อน ถ้าติวแล้วเพื่อนเกิดความเข้าใจ ถือว่าเราแตกฉานในความรู้นั้นได้อย่างแท้จริง
    4. เน้นการทำแบบฝึกหัดที่อาจารย์ให้
    พยายามหาข้อสอบย้อนหลังมาทำให้ได้มากที่สุด เพราะการตะลุยโจทย์จะทำให้เราจำได้ง่ายกว่าการอ่านเนื้อหา
    (อรณิชา ศรีสมัย 12590102)

    ตอบลบ
  41. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน
    (สมภพ ขุนทรง 12590079)

    ตอบลบ
  42. แกนต์ชาร์ตของดิฉันคือ การเลือกอ่านวิชาที่สอบหลังสุดก่อน หนังจากนั้นจึงอ่านวิชาที่ใกล้รองลงมา เพราะเมื่อถึงวิชาท้ายๆก็จะไม่เครียดเพราะได้อ่านมาแล้วรอบนึงเหลือเพียงการอ่านทบทวนโดยระหว่างการอ่านจะมีพักให้กำลังใจตนเองด้วยเกมหรือขนม
    (น.ส.หมายขวัญ นวลอุไร 12590099)

    ตอบลบ
  43. อ่านก่อนสอบ 1 อาทิตย์เน้นวิชาที่ตัวเองไม่ถนัดก่อน พยายามอ่านให้เข้าใจ แล้วมีการพักเล่นเกมบ้างเพื่อคลายเครียด แล้วมาอ่านต่อ ตอนอ่านหนังสือต้องมีขนมกินด้วยไม่งั้นอ่านไม่เข้าหัวแน่ ๆ ครับ พอใกล้สอบก็จะดูว่าวิชาไหนสอบตัวแรก ก็จะเน้นอ่านตัวนั้นครับ
    (นายชินวัตร พิพัฒน์พงศานนท์ 12590015)

    ตอบลบ
  44. เเกนต์ชาร์ต ช่วยในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ โดยสามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใดและสิ้นสุดเมื่อไร
    ในการอ่านสอบของดิฉัน
    1.เรียงลำดับวิชาและเนื่อหาก่อน วิชาอะไรสอบก่อนหลัง หลังจากเรียงเสร็จแล้ว ดิฉันจะใช้เวลาในการอ่านกับวิชาที่1 ในทั้งหมด1วัน จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนจะใกล้วันสอบก่อบ 1 วัน ดิฉันจะอ่านทวนวิชาที่ใกล้จะสอบอีกครั้ง
    2.การลงมือทำ ในการอ่านหนังสือ เราควรจะสรุปสิ่งสำคัญและหาวิธีที่ทำให้เราจำได้ง่ายขึ้น หรือสามารถไติวกัน โดยสลับหาความคิดเห็นกันและกัน จะทำให้เห็นว่าแต่ละคนบกพร่องตรงไหน เป็นการเสริมให้ซึ่งกันและกัน การนั่งฟังจะจำได้น้อยกว่าการโต้ตอบกัน เนื่องจากมันสามารถทำให้เราคิดตามเพื่อนไปด้วย
    3.การอ่านนั้น เราควรอ่านให้เข้าใจในทุกตัวอักษร ควรจะอ่านให้ครบ เพื่อเป็นการเซฟตัวเอง เนื่องจากเราไม่สามารถรู้ว่าข้อสอบจะออกแบบไหน การที่คุณเข้าใจสิ่งเรียนมาทั้งหมด เวลาเข้าไปสอบคุณจะสามารถทำได้อย่างเข้าใจ และจะทำให้ไม่งงโจทย์
    4.ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากการที่เราสอนเพื่อน ถ้าเพื่อนเข้าใจในสิ่งที่เราสอน แสดงว่าการอ่านของคุณประสบผลสำเร็จ คุณก็จะทำข้องสอบผ่านแน่นอน
    (ปวัณา เกตุแย้ม 12590047)

    ตอบลบ
  45. ฉันใช้ แกนชาร์ตในการใช้ชีวิตประจำวัน ในการวางแผนชีวิตในวันๆหนึ่งว่าจะทำอะไรบ้าง โดยเริ่มแพลนงานในวันนั้น จัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละอย่าง ระบุกรอบระยะเวลาที่แน่นอนว่าจะทำทุกอย่างหรือแต่ละอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ตื่น 7 โมงเช้า 8 โมงไปอาบน้ำ งานที่ส่งพรุ่งนี้ต้องทำก่อน อีกวิชาที่ส่งถัดไป และต้องใช้เวลาทำแต่ละวิชาประมาณเท่านี้ และฉันก็จะพยายามควบคุมตนเองให้ทำให้เสร็จตามแผนเสมอ และฉันมักใช้มันในช่วงเวลาที่ยุ่งๆหรือช่วงเวลากระชั้นชิดอาจจะเป็นช่วงที่มีงานพร้อมกับใกล้สอบ ก็จะวางแพลนว่าจะต้องทำงานไหนก่อนและต้องเสร็จภายในกี่วัน จะต้องอ่านหนังสือวิชาไหนก่อน เป็นต้น
    (น.ส.ศศิพิมพ์ ชัยกุลพัฒนา 1259OO76)

    ตอบลบ
  46. เเกนต์ชาร์ต ช่วยในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ โดยสามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใดและสิ้นสุดเมื่อไร ดังนั้นแกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือสอบ มีดังนี้
    -เลือกเวลาที่เหมาะสม
    -เรียงลำดับวิชาและเนื่อหาก่อน
    -การลงมือทำ ในการอ่านหนังสือ อ่านให้เข้าใจในทุกตัวอักษร ควรจะอ่านให้ครบ
    (สิริกร ราชมณี 12590084)

    ตอบลบ
  47. แกนต์ชาร์ตในการอ่านหนังสือสอบ
    -มีความตั้งใจเรียนทุกครั้ง
    -หาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องที่ไม่เข้าใจ
    -มีการเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบล่วงหน้าทุกวิชาโดยไม่ใช่การอ่านก่อนสอบเพียงวันเดียว และจดสรุปเนื้อหาทั้งหมด
    -ก่อนวันสอบวิชาไหน ก็มีการอ่านสรุป ทบทวนวิชานั้นอีกครั้งเพื่อเป็นการทบทวนความจำ
    (จุฬาลักษณ์ สกุลวงวาร 12590010)

    ตอบลบ
  48. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่ออ่านหนังสือของฉันคือเลือกเวลาอ่านเป็นตอนกลางคืน เพราะจะมีสมาธิมากกว่ากลางวันแล้ว เลือกวิชาที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจก่อน แล้วค่อยไปอ่านในวิชาที่ยากๆเป็นลำดับต่อมาเพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาในการอ่าน รวมถึงสรุปแต่ละวิชาในแบบที่เข้าใจ
    (อารียา ปานทอง 12590109)

    ตอบลบ
  49. แกนต์ชาร์ตสำหรับการเตรียมตัวเพื่ออ่านหนังสือสอบของฉัน
    1.เริ่มต้นจากการดูรายละเอียดของวิชาสอบต่างๆก่อน ว่าวันไหนสอบวิชาอะไรบ้างเพื่อที่จะจัดตารางอ่านหนังสือ
    2.เลือกวิชาที่คิดว่าตัวเราเองมีความชอบและสามารถทำความเข้าใจได้เร็ว ฉันก็จะเลือกวิชานั้นมาอ่านเป็นวิชาแรก เพื่อจะได้มีกำลังใจในการอ่านวิชาที่เหลืออยู่
    3.เลือกเวลาอ่านที่คิดว่าตัวเองมีสมาธิที่สุด สำหรับฉันมักจะอ่านหนังสือช่วงหัวค่ำเป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีเสียงมารบกวน ทำให้มีสมาธิในการอ่านมากขึ้น
    4.ทำทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาอ่านหนังสือ เช่น กินข้าว เล่นเกม ทำความสะอาดห้อง ทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ เป็นต้น เพราะเมื่อถึงเวลาที่อ่านหนังสือจะได้ไม่มีเรื่องที่ค้างคาใจและจะทำให้เรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว
    5.สุดท้ายคือต้องพักผ่อนให้เพียงพอและเลือกกินของที่บำรุงสมอง เช่น พวกวิตามิน อาหารเสริม จะทำให้สมองจดจำเนื้อหาที่จะสอบได้มากยิ่งขึ้น
    (ปิยาภรณ์ ชินวงค์พรหม 12590051)

    ตอบลบ
  50. เเกนต์ชาร์ต ช่วยในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ โดยสามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใดและสิ้นสุดเมื่อไร คือ
    1. เลือกเวลาที่เหมาะสมเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเอง ต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา เลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    3. ลงมือทำ ลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
    4. ตรวจสอบผลงานผลของการอ่าน ดูได้จากการทำข้อสอบ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่
    (สุรีรัตน์ สระเกตุ 12590098 )

    ตอบลบ
  51. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
    ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ
    เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    3. ลงมือทำ
    ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน
    ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (ดวงหทัย โฉมมา 12590029)

    ตอบลบ
  52. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง
    (นางสาวสุชานรี เวียนมานะ 12590089)

    ตอบลบ

  53. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง

    แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือสอบของฉัน
    1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่ต้องการอ่าน
    ดิฉันจะเลือกเวลาที่ว่างจากงานอื่นชอบอ่านเวลากลางคืนเพราะมีเวลาให้กับการอ่านได้เต็มที่

    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ ดิฉันจะเลือกอ่านวิชาที่ชอบหรือถนัดก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป โดยจะมีวิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน

    3. ลงมือทำ คือ การลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง

    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่านหนังสือของดิฉันจะสามารถดูได้จากการทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ ในการอ่านวิชาที่ใช้การจำเยอะๆดิฉันจะทำสรุปไว้ว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบได้อีกด้วย
    (นางสาวณัฐรี เต่าแก้ว 12590026)

    ตอบลบ
  54. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (สัจจะ ปฎิบัติดี 12590081)

    ตอบลบ
  55. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (นางสาวภัทราพร ผังรักษ์ 12590061)

    ตอบลบ
  56. แกนต์ชาร์ตในการอ่านหนังสือสอบ
    1.ตั้งใจอ่านหนังสือและทำแบบฝึกหัดหลังอ่านเสร็จเพื่อทบทวนตัวเอง
    2.ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องที่ไม่เข้าใจ
    3.อ่านหนังสือล่วงหน้าก่อนประมาณ1-2สัปดาห์
    4.ทำสรุปเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น
    5.พักผ่อนก่อนสอบให้สมองปอดโปร่งและทำตัวชิว ๆเพื่อผ่อนคลายความเครียด
    (วริศ เอี๊ยวชัยพร 070)

    ตอบลบ

  57. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนการอ่านหนังสือที่เหมาะสม สามารถทำให้สอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการจัดสรรเวลาว่าควรจะเริ่มอ่านตั้งแต่เวลาไหน ต้องอ่านตรงไหนบ้าง และหาข้อมูลที่ในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจหรือข้อมูลน้อยเกินไป มีการอ่านสรุปและทบทวนซ้ำๆ เพื่อเป็นการเพิ่มความจำไปในตัว และทำให้จำได้ง่ายขึ้น
    (นางสาวณัฎฐา กมลศิลป์ 12590018)

    ตอบลบ

  58. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (ปาลิตา มนัสปัญญากุล 12590049)

    ตอบลบ

  59. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (ปาลิตา มนัสปัญญากุล 12590049)

    ตอบลบ
  60. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง
    (สุรีรัตน์ ศักดิ์ภิรมย์ 12590954)

    ตอบลบ
  61. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
    ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ
    เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    3. ลงมือทำ
    ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน
    ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (อภัสสร ปูชนียกุล 12590100)

    ตอบลบ

  62. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    นายธรรศธรรม จำปาทอง 12590790

    ตอบลบ

  63. แกนต์ชาร์ตในการบริหารเวลาเพื่อการอ่านหนังสือสอบของฉันคือ
    เลือกเวลาที่เหมาะสม อ่านตอนไหนสมองปลอดโปร่ง อ่านเเล้วเข้าใจ สำหรับดิฉันจะอ่านตอนกลางคืนก่อนนอนเพราะเป็นช่วงเวลาที่เงียบที่สุดพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดหลับอดนอนอ่านทั้งวันทั้งคืนถึงวันสอบ เพราะจะทำให้สมองเบลอ และง่วงในห้องสอบ ถ้าง่วงไม่ไหวก็จะพักก่อน หรืองีบสักหน่อย จะไม่ฝืนอ่าน ขี้เกียจก็จะยังไม่อ่าน จะฝืนยังไงถ้าไม่ไหวสมองก็ไม่รับอยู่ดี หรืออาจจะหาแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือก่อนให้ตัวเองอารมณ์ดี ผลักดันให้ตัวเองอยากอ่านหนังสือ และดูว่าวิชาไหนจะสอบก่อน แล้วจึงทำสรุปทั้งหมด และจะอ่านวิชาที่สอบก่อนเพื่อให้อ่านได้เยอะเเละเร็ว อ่านด้วยความจริงจัง ตั้งใจ และห้ามขี้เกียจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะถามเพื่อนหรือหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
    (วิลาสินี เกตุแก้ว12590073)

    ตอบลบ
  64. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่าการอ่านหนังสือควรอ่านให้ได้ตามที่เราวางแผนเอาไว้ วิธีการก็คือ List รายการหรือเนื้อหา บทที่จะอ่านให้หมด จากนั้นค่อยเลือกลำดับเนื้อหาว่าจะอ่านเรื่องใดก่อนหลัง แล้วค่อยลงมืออ่าน
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (นางสาว ณัฐฐา จินตกวีพันธุ์ 12590020)

    ตอบลบ
  65. . เลือกเวลาที่เหมาะสม คือ เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา คือ เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว
    3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง
    4. ตรวจสอบผลงาน ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่
    (นางสาวอัมรินทร์ เกมอ 12590105)

    ตอบลบ
  66. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า
    เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองก่อน
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
    เลือกวิชาที่จะอ่าน จะเลือกวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    ไม่แนะนำวิชาที่ยาก และเนื้อหาที่ไม่ชอบนะ เพราะจะทำให้เสียเวลาเปล่า
    3. ลงมือทำ
    การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
    4.ตรวจสอบผลงาน
    ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วย
    น.ส. วราภรณ์ ขันสมบัติ 12590069

    ตอบลบ

  67. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาที่น้องต้องการจะอ่าน
    เวลาที่ว่างจากงานอื่น เวลาที่อยากจะอ่านหนังสือ
    หรือเป็นเวลาที่อ่านแล้วได้เนื้อหามากที่สุด เข้าใจมากที่สุด
    2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา
    ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ
    เอาวิชาที่ชอบก่อน เพื่อให้เราอ่านได้เยอะๆ และอ่านได้เร็ว ควรเลือกเรื่องที่ชอบอ่านก่อนเป็นอันดับแรก จะได้มีกำลังใจอ่านเนื้อหาอื่นต่อไป
    3. ลงมือทำ
    ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ
    4. ตรวจสอบผลงาน
    ผลของการอ่าน ดูได้จากว่า ทำข้อสอบได้หรือไม่ ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบได้ ก็แสดงว่าอ่านรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ ได้เนื้อหาจริงๆ แต่ถ้าอ่านแล้วทำข้อสอบไม่ได้ ก็ต้องกลับไปทบทวนใหม่ พี่ขอแนะนำว่า อ่านแล้วต้องจดบันทึกไว้ด้วยนะจะได้รู้ว่า เราอ่านไปถึงไหนแล้ว และอ่านไปได้เนื้อหาอะไรบ้าง การจดบันทึก ก็คือการทำโน้ตย่อนั่นแหละ ทำสรุปไว้เลยว่าอ่านอะไรไปแล้วบ้าง เก็บไว้ให้มากที่สุด จะได้เป็นผลงานของตัวเอง เก็บไว้อ่านเมื่อต้องการ เก็บไว้อ่านตอนใกล้สอบ
    (พงศธร ศิริสมบูรณ์ 12590052)

    ตอบลบ
  68. 1.หาเวลาที่เหมาะสม ที่พร้อมจะอ่านอย่างจริงจัง
    2.วางลำดับความยากง่ายของวิชา วิชาที่เนื้อหาซับซ้อนต้องอ่านหนักและเยอะกว่าวิชาอื่น
    3.ลงมือทำ คือ มีสติสมาธิจดจ่อกับการอ่าน
    4.สรุปตรวจสอบเนื้อหาที่อ่านไปว่ามีความเข้าใจมากน้อยเพียงใด หากไม่เข้าใจ ก็หาข้อมูลเพิ่มเติม
    (ชุติกาญจน์ ปานดารา 12590016)

    ตอบลบ
  69. แกนต์ชาร์ตการบริหารเวลาเพื่ออ่านหนังสือสอบ เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้า บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน ดิฉันชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืน วนเวลากลางวันก็จะจดสรุปของแต่ละวิชา หลังเลิกเรียนหรือเวลาว่างก็จะทบทวนวิชาที่เรียนมาในวันนั้น
    (อัษฎาวุธ เขตเจริญ 12590106)

    ตอบลบ
  70. แกนต์ชาร์ตการบริหารเวลาเพื่ออ่านหนังสือสอบ
    1.สนใจเรียนในคาบและจดบันทึกส่วนที่อาจารย์เน้นย้ำและบอกว่าจะใช้ในการสอบ
    2.ทบทวนหลังเรียนเสร็จและสรุปไว้ในกระดาษ
    3.เมื่อใกล้ถึงวันสอบอ่านก็ทบทวนอีกรอบเพื่อความแน่ใจ แต่ส่วนอ่านช่วงเวลาไหนก็แล้วแต่คน เพราะบางคนชอบอ่านกลางคืน บางคนชอบอ่านกลางวัน
    (น.ส.ดารารัตน์ ดาสาลี 12590030)

    ตอบลบ
  71. 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    2. อ่านเนื้อหา
    3. อ่านทบทวนอีกครั้งให้เข้าใจ
    4. ทำสรุป
    5. อ่านในสรุปอีกครั้ง
    (นางสาวกชกร เดชกำแหง 12590001)

    ตอบลบ
  72. 1. เลือกวิชาที่ชอบ
    2. เลือกเวลาที่เหมาะสม
    3. อ่านเนื้อหา
    4. อ่านทบทวนอีกครั้งให้เข้าใจ
    5. ทำสรุป
    6. อ่านในสรุปอีกครั้ง
    (นางสาวศศิประภา ผาดศรี 12590075)

    ตอบลบ
  73. เเกนต์ชาร์ต มีประโยชน์ในการวางเเผนเวลาในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนที่เหมาะสม สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใดทำในช่วงเวลาใด ระยะเวลาเร็วที่สุดของกิจกรรมจะเสร็จสิ้นเมื่อใด ใช้การการบันทึกเเละดูความก้าวหน้าของงาน วิเคราะห์ความก้าวหน้า เเละปรับเปลี่ยนการวางเเผนได้ง่าย เพื่อช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ลักษณะนี้จะแสดงถึงปริมาณงานและกำหนดเวลาที่จะต้องใช้เพื่ออ่านหนังสือนั้นให้ลุล่วง
    (นางสาวอรวี ศรีวิโน 12590103)

    ตอบลบ